วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สมาชิกกลุ่ม




รายวิชา พ30105 สุขศึกษาและพละศึกษา 5

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555

จัดทำโดย

นายจิรเวช     จรูญเวชธรรม   ม.6/1   เลขที่ 10

นายปาลิต    วงศ์หิรัญเดชา  ม.6/1  เลขที่ 16


นายสธน    ทรัพย์รุ่งเรือง  ม.6/1  เลขที่ 20


นายเสาเอก   ขันติกิตติกุล   ม.6/1  เลขที่ 22

การเคหพยาบาล


การเคหพยาบาล


การเคหพยาบาล หมายถึง การพยาบาลเบื้องต้นเพื่อช่วยเหลือตนเองและครอบครัวเมื่อมี การเจ็บป่วยหรือในระยะฟักฟื้นที่บ้าน เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยและบรรเทาความทุกข์ทรมาน


ประโยชน์ของการเคหพยาบาล
1. ช่วยดูแลผู้ป่วยที่บ้านหลังจากแพทย์อนุญาตให้กลับมาฟักฟื้นที่บ้านได้ ซึ่งนับว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วย 
2. ช่วยรักษาสุขภาพจิตของผู้ป่วยและของทุกคนในครอบครัว และลดความวิตกกังวลทางสภาพจิตใจเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยได้เพราะสมาชิกทุกคนในครอบครัวสามารถดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยได้อย่างใกล้ชิด 
3. ลดอันตรายเนื่องจากอุบัติเหตุภายในบ้าน โดยการป้องกันอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นและสามารถปฐมพยาบาลผู้ป่วยได้ 
4. ช่วยลดปริมาณผู้ป่วยในโรงพยาบาลและผู้ป่วยที่รอคอยการรักษาให้มีจำนวนน้อยลง



การสังเกตอาการผู้ป่วยโดยทั่วไป

ผู้ที่พยาบาลผู้ป่วยในบ้านควรสนใจสุขภาพของทุกคนในครอบครัวฃองตน และเข้าใจอาการเปลี่ยนแปลงที่แสดงว่ามีการเจ็บป่วยขึ้น อาการที่เจ็บป่วยที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค ดังนั้น ผู้ที่พยาบาลจะต้องระ จักสังเกตอาการของผู้ป่วยและสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง ความผิดปกติที่จะสังเกตได้ มีดังนี้ 
1. ใบหน้า อาการผิดปกติอาจเกิดขึ้นในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ 


1.1 ใบหน้ามีลักษณะแดง ซีด ขาว 

2. หน้าอกมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจขัด แรงเร็ว บางรายอาจถึงชัก หรือมีอาการปวดเจ็บภายในบริเวณอก 


3. ท้อง มีอาการท้องขึ้น อืด เฟ้อ ท้องผูก ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร 

4. กล้ามเนื้อ มีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ 
                                                   
5. ผิวหนัง มีอาการบวม แดง ซีด มีเม็ดหรือผื่นขึ้น ผิวหนังอาจร้อนหรือเย็นกว่าปกติ เมื่อเอามือไปสัมผัส
                    
6. อารมณ์ มีอาการหงุดหงิด โมโหง่าย หากเป็นเด็กจะร้องกวนบ่อย

        




การพยาบาลผู้ป่วยพักฟื้นที่บ้าน
โดยทั่วไปบุคคลส่วนใหญ่เมื่อเกิดเจ็บป่วยเรื้อรังมักต้องการรักษาตัวที่บ้านมากกว่าไปอย่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากการรักษาพยาบาลที่บ้านมีความสะดวกสบาย และอบอุ่นจากการใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวมากกว่าการรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากในกรณีที่เกิดเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน และมีอาการที่จำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจรักษาจริง ๆ จึงจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ดังนั้น การพยาบาลผู้ป่วยที่บ้านผู้ให้การพยาบาลควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการพยาบาลผู้ป่วยที่บ้าน และรู้จักดัดแปลงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในบ้านมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบายตามสมควรและช่วยให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติเร็วยิ่งขึ้น
ข้อความปฏิบัติในการพยาบาลผู้ป่วยพักฟื้นที่เป็นโรคติดต่อที่บ้าน
เมื่อเกิดกาารเจ็บป่วยขึ้นที่บ้าน ผู้ที่ทำหน้าที่ให้การพยาบาลควรปฏิบัติดังนี้


1. จัดผู้ป่วยให้นอนแยกห้อง ไม่ปะปนกับผู้อื่น
2. รักษาความสะอาด และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทั้งภายในและภายนอกบ้าน อาจปฏิบัติได้ดังนี้
2.1 การทำลายสิ่งปฏิกูลของผู้ป่วย เช่น อุจาระ ปัสสาวะ นำมูก นำลาย กระดาษเช็ดปาก เศษอาหาร เป็นต้น ควรทำลายโดยการเผาหรือใช้ยาฆ่าเชื้อโรค
2.2 การล้างมือ ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยสบู่ก่อนและหลังการพยาบาลผู้ป่วยและผู้พยาบาล เนื่องจากมือเป็นอวัยวะที่นำโรคได้เป็นอย่างดี
3. วัดปรอท จับชีพจร สังเกตการหายใจ เพื่อทราบการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยอยู่เสมอ และสามาารถนำผลจากการสังเกตรายงานให้แพทย์ทราบ จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการผู้ป่วยได้ถูกต้องยิ่งขึ้น



ข้อควรคำนึงในการพยาบาลผู้ป่วยพักฟื้น
ในกรณีที่สมาชิกในครอบครัวเกิดเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล และหลังจากที่ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องพักฟื้นที่บ้าน เพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาพปกตินั้น การพยาบาลพักฟื้นที่บ้านนับว่ามีความสำคัญยิ่ง ซึ่งผู้พยาบาลควรคำนึงในสิ่งต่อไปนี้
1. ความสุขสบายของผู้ป่วย ผู้พยาบาลช่วยเหลือผู้ป่วยพ้นจากความเจ็บปวดและไม่สบาย เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัตและกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ผู้พยาบาลอาจให้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดตามที่แพทย์สั่ง การจัดท่าให้ผู้ป่วยอย่ในท่าที่สบาย เป็นต้น
2. สุขภาพจิตของผู้ป่วย ผู้พยาบาลควรเข้าใจผู้ป่วยในด้านอารมณ์และพฤติกรรมที่แสดงออกมา เพราะอารมณ์ของผูป่วยอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น หงุดหงิดและโกรธง่าย เนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของตนมากเกิดไป และการแสดงพฤติกรรมบางอย่างของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่เป็นที่ยอมรับของตนและผู้อื่น ดังนั้นผู้พยาบาลไม่ควรแสดงกิริยาที่ไม่พอใจต่อผู้ป่วย
3. ให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย ผู้พยาบาลควรช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในตนเอง เช่น การแนะนำการปฏิบัติตนของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเอง การให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยพักฟื้น เป็นต้น
4. การออกกำลังกายและการพักผ่อน ควรแนะนำและช่วยเหลือผู้ป่วยออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ควรให้ผู้ป่วยออกกำลังกายมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจหรือผู้ป่วยหลังผ่าตัตควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์
5. อาหาร ควรแนะนำหรือจัดอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผู้ป่วยบางคนจะต้องกินอาหารเฉพาะแพทย์สั่ง เช่น ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต ความดันโรหืตสูง เป็นต้น ดังนั้น ผู้พยาบาลควรให้กำลังใจและอภิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ เพื่อได้รับควรร่วมมือจากผู้ป่วยเกี่ยวกับอาหาร


หลักทั่วไปในการพยาบาลผู้ป่วยในบ้าน

1. การล้างมือ การล้างมือเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่ง เพราะมือเป็นอวัยวะที่นำโรคได้อย่างดีที่สุด โดยการไปจับต้องสิ่งของมีเชื่อโรคแล้วไม่ได้ล้างมือให้สะอาด ดังนั้นก่อนและหลังการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย จะต้องล้างมือให้สะอาด


2. การทำความสะอาดปากและฟันในกรณีที่ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรทำความสะอาดปากและฟันให้ผู้ป่วยตามปกติในตอนเช้า หลังอาหารทุกมือ และก่อนนอน โดยใช้สำลีพันปลายไม้ชุมนำยาสำหรับบ้วนปากหรือนำเกลือ เช็ดปากฟัน ลิ้นจนสะอาด ถ้าลิมฝีปากแห้ง ควรใช้ขี้ผึ้งถ้าปาก หรือ ปิโตรเลียมเจลลี่ ทาริมฝีปากให้ก็ได้
3. การสระผม ถ้าผู้ป่วยสระผมเองไม่ได้ ควรสะผมให้ผู้ป่วยสัปดาห์และ ครั้ง
4. การเช็ดตัวผู้ป่วย การเช็ดตัวผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่น สบาย กระปรี้กระเปร่าขึ้น ส่วนมากจะนิยมเช็ดตัวทีละท่อน และแช่มือแช่เท้าประกอบกัน จะทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกประหนึ่งว่าได้อาบนำด้วยตัวเอง
5. การทำความสะอาดเตียง การทำความสะอาดเตียงผู้ป่วยต้องทำกันทุกวัน วันละหนึ่งครั้งในตอนเช้า เตียงผู้ป่วยจะต้องปูให้เรียนร้อย ตึง สะอาด น่าพักผ่อนและหลับสบาย ผู้พยาบาลต้องรู้หลักในการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนขณะที่มีผู้ป่วยอย่บนเตียง ตามปกติควรจะทำความสะอาดเตียงหลังจากผู้ป่วยอาบน้ำหรือเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ถ้าผู้ป่วยลุกขึ้นเดินไปทำความสะอาดร่างกายได้เองในห้องนำในเวลานั้นจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการทำความสะอาดเตียง
6. การเตรียมผู้ป่วยรับประทานอาหาร การเตรียมผู้ป่วยสำหรับเวลารับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกอยากรับประทาน และรับประทานอาหารได้ดี ในกรณีที่ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในการรับประทานอาหารผู้พยาบาลจะต้องป้อนอาหารให้ และเมื่อป้อนอาหารเสร็จแล้ว ให้ผู้ป่วยดื่มนำทำความสะอาดปากและฟันจัดให้พักท่าที่สบาย
7. การช่วยเหลือผู้ป่วยลุกจากเตียง ผู้ป่วยที่นอนอย่นาน ๆ ต่างมีความต้องการที่จะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อพักผ่อนอริยาบถบ้างไม่มากก็น้อย ผู้พยาบาลต้องช่วยพยุงให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหว โดยต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ป่วยก่อน คือ สภาพผู้ป่วยในขณะนั้น โรคที่ดำเนินอยู่ ท่านอนที่ผู้ป่วยต้องการ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นขณะเคลื่อนไหว และปัญหาบางประการเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยเอง เช่น ความบอบบางของร่างกายของผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนผอม ซึ่งผู้พยาบาลจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก

ประวัติความเป็นมาของจังหวะไจว์ฟ


ไจว์ฟเป็นจังหวะหนึ่งในการเต้นลีลาศ ซึ่งเป็นการเต้นเพื่อความสนุกสนานและได้พบกับบุคคลอื่นๆ ในสังคมในงานสังสรรค์ หรืองานราตรีสโมสร ลีลาศนี้ มีมานับเป็นพันๆ ปีแล้ว แต่เพิ่งมีหลักฐานแน่ชัดเมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1400 ซึ่งได้อธิบายถึงการก้าวเดิน และดนตรี


การเต้นลีลาศมีสองลักษณะคือ เพื่อสังสรรค์สนุกสนานในงานสังคม (Social Dance) และเป็นกีฬาเต็มรูปแบบ (Sport Dance) ที่ต้องฝึกซ้อมเข้มข้นเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกก็บรรจุกีฬาลีลาศเข้าไว้ด้วยเช่นกัน


ประเภทของจังหวะลีลาศ ได้แก่ 

1. ประเภทโมเดิร์นหรือบอลรูม (MODERN OR BALLROOM)
การลีลาศแบบนี้จะมีลักษณะการเต้น และท่วงทำนองดนตรีที่เต็มไปด้วยความสุภาพ นุ่มนวล อ่อนหวาน สง่างามและเฉียบขาด ลำตัวของผู้ลีลาศจะตั้งตรง ผึ่งผาย ขณะก้าวเท้านิยมลากเท้าสัมผัสไปกับพื้น จังหวะที่จัดอยู่ในการเต้นรำประเภทนี้มี 5 จังหวะ คือ
  • วอลซ์ (WALTZ)
  • แทงโก้ (TANGO)
  • เวียนนิสวอลซ์ (VIENNESE WALTZ)
  • สโลว์ ฟอกซ์ทรอท ( SLOW FOXTROT)
  •  ควิ๊กสเต็ป (QUICKSTEP)
2. ประเภทละตินอเมริกัน  (LATIN AMERICAN)

การลีลาศแบบนี้จะมีลักษณะการเต้นที่คล่องแคล่ว ปราดเปรียวกว่าประเภทบอลรูม ส่วนใหญ่จะใช้สะโพก เอว เข่าและข้อเท้าเป็นสำคัญ ท่วงทำนองดนตรีและจังหวะจะเร้าใจและสนุกสนานร่าเริง จังหวะที่จัดอยู่ในการเต้นรำประเภทนี้มี
5 จังหวะ คือ

  • แซมบ้า (SAMBA)
  •  ช่า ช่า ช่า (CHA CHA CHA)
  • รุมบ้า (RUMBA)
  •  พาโซโดเบล์ (PASO DOBLE)
  • ไจว์ฟ (JIVE)

นอกจากนี้ สำหรับการลีลาศในประเทศไทยนั้นยังมีการเต้นรำที่จัดอยู่ในประเภทเบ็ดเตล็ด (POP OR SOCIAL DANCE) อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งจังหวะที่นิยมลีลาศกันได้แก่ จังหวะบีกิน อเมริกันรัมบ้า กัวราช่า ออฟบีพ ตะลุงเทมโป้ และรอค แอนด์ โรล เป็นต้น


ประวัติของจังหวะไจว์ฟ





ไจว์ฟ เป็นจังหวะหนึ่งในกีฬาลีลาศ เป็นการเต้นรำที่มีจังหวะจะโคน และการสวิงค์ ซึ่งพัฒนามาจากหลายๆจังหวะรวมกัน ได้แก่  Rock 'n' Roll , Bogie และ African / American Swing เน้นที่การดีด สะบัด เตะปลายเท้า



 ต้นกำเนิดของ ไจว์ฟมาจาก New York, Halem ใน ค.ศ.1940 ไจว์ฟได้ถูกพัฒนาไปสู่จังหวะ จิตเตอร์บัคจ์ (Jitterbug) และจากนั้นMs.Jos Bradly และ Mr.Alex Moore ชาวอังกฤษ ได้พัฒนาจังหวะดังกล่าว เข้าสู่การแข่งขันในระดับสากล


รูปแบบของจังหวะไจว์ฟ




  • จังหวะ "ไจว์ฟ" คู่เต้นรำควรแสดง การใช้จังหวะ (Rhythm) ซึ่งเป็นความต้องการของผู้ชม "จังหวะและก็จังหวะ" ผสมผสานกับความสนุกสนานและการใช้พลังอย่างสูง การเน้นจังหวะล้วนอยู่ที่ขาทั้งคู่ ที่แสดงให้เห็นถึงการเตะและการดีดสบัดปลายเท้า
  •  คู่เต้นรำต่างเอาใจใส่กับการเคลื่อนที่ไปรอบๆ เต้นเข้าและเต้นออกรอบจุดศูนย์กลางที่เคลื่อนไหวอยู่ การเต้นลักษณะนี้มือต้องจับ(Hold) กันไว้





  • การออกแบบท่าเต้น ควรสมดุลย์ร่วมกับลีลาที่ผสมผสานกลมกลืนของการเต้นที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และการแสดงเดี่ยวที่ต้องทำให้เกิดผลสะท้อนกลับของผู้ชม การเต้นจังหวะนี้ หากมีปฏิกิริยาตอบรับจากผู้ชม จะมีผลทำให้คู่เต้นรำมีกำลังใจยิ่งขึ้น


ดนตรีและการนับจังหวะ
ดนตรีของจังหวะไจฟว์เป็นแบบ 4/4 คือ มี 4 จังหวะใน 1 ห้องเพลง ดนตรีจะมีเสียงเน้นหนักใน จังหวะที่ 2 และ 4 ซึ่งเราจะได้ยินเสียง แต๊ก ตุ่ม แต๊ก ตุ่ม ดังอยู่ตลอดเพลง
การเต้นไจฟว์ในแบบ TRIPLE RHYTHM มี 8 ก้าว การนับจังหวะจะเป็นแบบ 1,2,3-4-5,6-7-8 หรือ 1,2,3 และ 4,3 และ 4 หรือ เร็วเร็ว,เร็วและเร็วเร็วและเร็ว ก็ได้ โดยที่ก้าวที่ 1,2 และ 4 มีค่าเท่ากับก้าวละ 1 จังหวะ สำหรับก้าวที่ 3 มีค่าเท่ากับ 3/4 จังหวะส่วนก้าวที่เรียก “ และ ” มีค่าเท่ากับ 1/4 จังหวะ
ดนตรีของจังหวะไจฟว์บรรเลงด้วยความเร็วมาตรฐาน 40 ห้องเพลงต่อนาที (30 – 50 ห้องเพลงต่อนาที) 

คำถาม


1.อาการผิดปกติของผู้ป่วยสามารถสังเกตได้จากบริเวณต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
     ก.ใบหน้า
     ข.มือ
     ค.ผิวหนัง
     ง.หน้าอก

2.ข้อใดไม่ใช่หลักทั่วไปในการพยาบาลผู้ป่วยในบ้าน
     ก.การอาบน้ำ
     ข.การสระผม
     ค.การล้างมือ
     ง.การทำความสะอาดเตียง

3.ข้อใดคือประโยชน์ของการเคหพยาบาล
     ก.ได้รับการยกย่องจากสังคม
     ข.ได้เงินค่าดูแลรักษาเบื้องต้น
     ค.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
     ง.ทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรค

4.การเต้นรำจังหวะใดจัดเป็นการเต้นรำประเภทเดียวกันกับจังหวะไจว์
     ก.แทงโก้
     ข.วอลซ์
     ค.พาโซโดเบล์
     ง.ควิกเสต็ป

5.การเต้นจังหวะไจว์เน้นสะบัดอวัยวะส่วนใด
     ก.แขน
     ข.เอว
     ค.ศีรษะ
     ง.เท้า